มีผลวิจัยพบว่า คนเราโดยส่วนใหญ่จะมีความสุขที่สุดในวัยยี่สิบต้น ๆ และจะลดลงเรื่อย ๆ จนต่ำสุดช่วงวัยกลางคน
และจะกลับมามีความสุขขึ้นอีกครั้งในช่วงชีวิตบั้นปลาย คุณกำลังอยู่ในช่วงไหน และคุณทำอย่างไรเมื่อชีวิตอยู่ในช่วงวิกฤต
ยากเหลือเกินที่จะยิ้มได้และใช้ชีวิตอย่างปกติ หากต้องเผชิญกับความท้อแท้สิ้นหวัง ไม่ว่าจะเป็นการเจอวิกฤตด้านการเงิน ตกงานกะทันหัน
ถูกทำร้ายทั้งร่างกายและอารมณ์ ความสัมพันธ์ที่ไปไม่รอด การสูญเสียคนรักหรือเพื่อนอย่างกะทันหัน
อีกทั้งความเจ็บป่วยเรื้อรังของญาติผู้ใหญ่ นี่คือสิ่งที่คุณกำลังเผชิญอยู่ใช่หรือเปล่า
ซ้ำร้ายกว่านั้น ในยามที่ชีวิตเป็นขาลง ดูเหมือนอะไร ๆ ก็เข้ามาตามซ้ำเติม ปัญหาหนึ่งก่อตัวขึ้นยังไม่จบ ปัญหาใหม่ ๆ ก็เข้ามาทับถม
และส่งผลกระทบถึงเรื่องต่อ ๆ ไป ในช่วงเวลาแบบนี้คุณจะพบว่า ในใจมีแต่ความกลัวและความเจ็บปวด เพราะความหวังพังทลาย
รู้สึกสูญเสียความมั่นใจ รู้สึกไร้คุณค่าและไม่ดีพอ รู้สึกสิ้นหวังและไม่มีกำลังใจจะก้าวเดินต่อ
สิ่งที่เกิดขึ้นอาจทำให้คุณจมอยู่ความรู้สึกย่ำแย่ และเศร้าโศกเนิ่นนาน จนกลายเป็นความซึมเศร้า ขาดกำลังใจที่จะใช้ชีวิต
คุณไม่รู้ว่าจะลุกขึ้นมาอีกครั้งได้ยังไง ไม่ว่าใครจะมาพูดปลอบโยนเท่าไหร่ ก็ไม่อาจช่วยให้คุณดีขึ้นมาเลย
ตามกฎของจักรวาล ทุกสิ่งไม่เที่ยงและจะเปลี่ยนแปลงไปเสมอ ดังนั้นโชคร้ายก็จะไม่อยู่กับคุณตลอดไป ในเมื่อชีวิตมีขาลงก็ย่อมมี
ขาขึ้น ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ ข่าวดีก็จะมาเยือน แล้วคุณจะลุกขึ้นมาได้อย่างแน่นอน
แต่หากคุณมีวิธีที่จะทำตัวเองให้ดีขึ้นได้ในเร็ววันจะไม่ดีกว่าหรือ ต่อไปนี้เป็น 5 วิธีที่จะช่วยคุณได้
1. ยอมรับและเผชิญหน้ากับความเป็นจริง
มีความทุกข์อยู่ 2 อย่าง คือ ทุกข์ที่ทำให้คุณเจ็บปวด และทุกข์ที่ทำให้คุณเปลี่ยนแปลง คุณจะเจ็บปวดก็ต่อเมื่อคุณต่อต้านมัน
หากคุณยอมรับและพร้อมที่จะเดินไปต่อกับมันได้ นั่นจะนำมาซึ่งการเรียนรู้และเปลี่ยนแปลง อย่างแรกที่คุณจะทำก็คือ ยอมรับว่ามันเกิดขึ้นแล้ว
แม้ว่าคุณไม่ชอบมันเลย การดิ้นรนต่อสู้กับมัน หวังว่ามันจะไม่เกิดขึ้น ก็ยิ่งจะเสียพลังงานและเวลาไปเปล่า ๆ
การยอมรับจะทำให้คุณกลับมาพบความสงบในใจ และพร้อมที่จะเดินหน้าต่อในทิศทางใหม่ ๆ การปล่อยวางจะง่ายยิ่งขึ้น หากคุณยอมให้อภัย
ไม่ว่าจะเป็นกับตัวคุณเองกับใครบางคน หรือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น การให้อภัยจะปลดปล่อยตัวคุณจากความเครียด ความกดดัน ความกังวล
ความยึดติดกับอดีตและอนาคตทั้งหลาย มันจะช่วยให้ใจของคุณรู้สึกเบาสบายขึ้น เป็นอิสระจากสิ่งที่คุณยืดถือและคาดหวังว่าจะต้องเป็น
2. โอบกอดตัวเองในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง
หากคุณหมดความมั่นใจ หมดความเชื่อและศรัทธาในตนเอง แสดงว่าคุณกำลังอยากจะเป็นใครอีกคนที่ไม่ใช่คุณ ลองถามตัวเองว่า
กำลังคาดหวังความสมบูรณ์แบบในชีวิตอยู่หรือเปล่า ลองมองอดีตที่ผ่านมาสิ คุณก็มีความสำเร็จในชีวิตเกิดขึ้นตั้งมากมาย
สิ่งที่คุณต้องการในตอนนี้คือ การโอบกอดและยอมรับตัวเอง ในฐานะมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง หยุดเปรียบเทียบกับชีวิตคนอื่น
มองให้เห็นความสวยงามในตัวเอง ถึงแม้จะไม่เหลือสิ่งภายนอกใด ๆ เลยก็ตาม คุณก็ยังเป็นมนุษย์ที่สวยงามในแบบที่คุณเป็น
และมันดีที่สุดแล้ว คุณคือคนธรรมดาที่สามารถทำผิดพลาดได้ มีความกังวลบ้าง กลัวบ้างเป็นธรรมชาติ
คุณไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ และคุณก็สามารถยอมรับและรักตัวเองได้
3. เตือนตัวเองว่าทุกสิ่งเป็นของชั่วคราว
การก้าวข้ามที่สำคัญในชีวิต เกิดขึ้นเมื่อคุณตระหนักว่าสิ่งเลวร้ายต่าง ๆ ในชีวิต ทั้งที่เป็นข้อจำกัด ความล้มเหลว ความผิดพลาด
ความสูญเสีย โชคร้ายและความเสื่อมถอย เป็นเพียงของชั่วคราวเท่านั้น และหลายครั้งมันผ่านไปแล้ว แต่คุณยังทำให้มันคงอยู่ ด้วยความคิดของคุณนั่นเอง
ความทุกข์และความไม่แน่นอน ก็เป็นของชั่วคราว มันไม่มีทางจะยาวนานไปตลอดกาล เวลาจะช่วยเยียวยาคุณได้ แม้ว่าจะต้องใช้เวลานับเดือนนับปี
แต่แล้วมันก็จะผ่านไป ชีวิตจะหมุนต่อไปไม่หยุด ดังนั้นอย่าให้ความทุกข์มาเปลี่ยนตัวคุณที่แท้จริงไป
คนที่เข้มแข็งคือคนที่ร้องไห้ได้อย่างเปิดเผย แล้วก็พร้อมก้าวต่อไปเมื่อหยาดน้ำตาเหือดแห้งลง
4. มองหาสิ่งที่ขอบคุณได้ในช่วงเวลานี้
การขอบคุณ คือการเยียวยาตัวเองที่เรียบง่าย และมันช่วยได้อย่างไม่น่าเชื่อ ในภาวะที่กำลังจมอยู่กับตัวเองและความทุกข์
ลองหาเหตุผลที่จะขอบคุณกับอะไรก็ได้รอบ ๆ ตัว แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งเล็กน้อยและธรรมดาแค่ไหน
ขอบคุณที่ยังมีลมหายใจ ขอบคุณความรักจากคนรอบตัว ขอบคุณสิ่งที่คุณได้เรียนรู้จากเรื่องนี้ หากคุณเลิกมองสิ่งที่ขาดหาย
และหันมาขอบคุณกับสิ่งที่เหลืออยู่ ด้วยความรู้สึกสำนึกคุณ จะพบว่าหลาย ๆ ครั้งได้มองข้ามอะไรไปบ้าง
มันดีแค่ไหนที่คุณได้ค้นพบสิ่งที่มีค่าเหล่านั้น กับชีวิตที่เหลืออยู่
5. ยื่นมือออกไปช่วยใครสักคน
ความท้อแท้ในชีวิต ส่วนใหญ่เกิดขึ้นเพราะคุณรู้สึกสมเพชตัวเอง แม้มันไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ แต่คุณก็ทำอยู่เสมอ ๆ โดยไม่รู้ตัว
ถ้าคุณสามารถจับความคิดได้ว่า เริ่มดูถูกและต่อว่าตัวเอง ให้หยุดสนใจที่ตัวเองแล้วมองไปที่ผู้คนรอบ ๆ ตัว
ลองหาทางที่จะช่วยเหลือใครสักคน แม้แต่จะเป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เชื่อมั้ยว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้นในทันที
เมื่อไหร่ที่คุณอยากได้รับการใส่ใจ ให้คุณใส่ใจผู้อื่น ดูแลเขาให้เหมือนกับที่คุณต้องการ ด้วยจิตที่เมตตา และหัวใจอ่อนโยน
หากคุณทำเช่นนี้ ไม่มีอะไรที่จะทำให้คุณรู้สึกแย่กับตัวเองได้อีก มันจะทำให้คุณตระหนักถึงคุณค่าแห่งการมีชีวิต
และทำให้คุณตื่นขึ้นมาจากฝันร้าย ที่ขังคุณไว้ในจิตใจอันโดดเดี่ยวของตัวเอง
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังท้อแท้สิ้นหวังในชีวิต ขอให้รู้ว่า คุณไม่ได้เผชิญกับมันเพียงลำพังผู้เดียว คนรอบตัวที่เค้ารักคุณต่างรู้สึกและได้รับผลกระทบ
กับความเศร้าจากคุณอยู่เช่นกัน ยิ่งคุณทำร้ายตัวเอง ก็จะยิ่งทำให้พวกเค้าเจ็บปวดไปด้วย ถ้านั่นไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการ ลองใช้หลักการ 5 ข้อนี้
นำพาตัวเองให้ฟื้นคืนขึ้นมาจากฝันร้าย นั่นเท่ากับว่าคุณกำลังช่วยให้ชีวิตคุณและพวกเขาดีขึ้นในคราวเดียวกัน
ที่มา : เรือรบ